เทศน์เช้า วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
เราตั้งใจฟังธรรมะของเรานะ ธรรมะของเราคือธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือเป็นสัจจะเป็นความจริง เป็นความจริงมันพิสูจน์กันมาแล้วสองพันกว่าปี แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้นะว่าศาสนาจะอีกห้าพันปีๆ แล้วคนก็พยายามจะคัดจะค้านว่ามันไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎกหรอก ไอ้ว่าห้าพันปีๆ มันไม่อยู่ในพระไตรปิฎกหรอก
เวลาการตีความก็ตีความแตกต่างกันไป การตีความแตกต่างกันไปมา แต่เวลาครูบาอาจารย์ของเรานะ หลวงปู่มั่น เวลาหลวงตาท่านถามหลวงปู่มั่นเองว่าสีผ้า สีผ้าที่มันมีปัญหากันในสังคม มันสีผ้ามันเป็นอย่างไร หลวงปู่มั่นก็ว่าสีน้ำฝาด สีน้ำฝาดมันมีสีอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด มันมีอยู่สีเดียวในสมัยพุทธกาล
ทีนี้คำว่า “สมัยพุทธกาลๆ” นะ เวลาหลวงปู่สิมท่านบอกว่าท่านเคยเกิดพร้อมกับสมัยพุทธกาล หลวงปู่มั่นก็เหมือนกัน เวลาสมัยพุทธกาลแล้วเราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านพูด ท่านพูดถึงผลของวัฏฏะ พูดถึงจิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ
เวลาพระพุทธศาสนาสอน สอนไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ความไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย มันไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายที่ไหน มันไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ที่ว่าหลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ หลวงตาพระมหาบัวไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย
ไม่ใช่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย แบบจิ๋นซีฮ่องเต้ไง จิ๋นซีฮ่องเต้มันก็อยากไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายเหมือนกัน มันหายานะ มันหาสมุนไพร มันจะไม่ตายๆ
แต่หลวงปู่มั่นเรา หลวงปู่มั่นเวลาท่านเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาตอนอยู่เชียงใหม่ หลวงปู่เจี๊ยะเล่าให้ฟัง เวลาหมอ หมอหน้าเสียเลยนะ พอหน้าเสียปั๊บ เจ้าคุณก็มาบอก หลวงปู่มั่นท่านรู้แล้ว หมอเขาว่าอย่างไร หมอเขาบอกว่าน่าจะไม่รอด หลวงปู่มั่นบอกไม่ตายหรอก ไม่ตาย กลับบ้าน กลับไปอยู่บ้านหนานแดงไง
เวลาหลวงปู่เจี๊ยะเป็นผู้อุปัฏฐากอยู่ไง ได้เงินเขามาบาทหนึ่งก็ไปซื้อนมข้น ซื้อนมข้นมาก็มาชงถวายหลวงปู่มั่น แล้วออดอ้อนนะ หลวงปู่มั่นท่านไม่ยอมฉัน อะไรท่านก็ไม่ยอมฉัน ท่านจะเป็นชีวิตแบบอย่างให้ลูกศิษย์ลูกหา ให้คนสืบต่อมาได้ยึดเป็นแบบอย่าง
หลวงปู่เจี๊ยะท่านออดท่านอ้อนนะ ท่านรักของท่านน่ะ เพราะอะไร เพราะเวลาท่านปฏิบัติภาวนามา อยู่ที่ทรายงาม ได้ขั้นที่ ๑ ได้ขั้นที่ ๒ บอกใครไม่ได้ บอกใครไม่ได้เพราะมันมีทั้งบัณฑิตและมีทั้งคนพาล
เวลาบัณฑิต บัณฑิตก็เป็นบัณฑิตที่ดี เป็นผู้ที่รู้แจ้ง แต่บัณฑิตไปตกอยู่ใต้คนพาล ถ้าคนพาลพูดแล้วมันจะไม่มีประโยชน์ไง เก็บเงียบ ต้องหลวงปู่มั่นเท่านั้น ต้องหลวงปู่มั่นเท่านั้นที่จะได้ฟังธรรมะอย่างนี้
เวลาจะขึ้นไปหาหลวงปู่มั่น โอ้โฮ! ออกจากจันทบุรีมาพักที่วัดบวรฯ ทั้งแม่ ทั้งพี่ ทั้งน้องร้องห่มร้องไห้ๆ เพราะท่านเลี้ยงของท่านมา ท่านเลี้ยงของท่านมา ท่านรู้เลยว่าหลวงปู่เจี๊ยะท่านสุขท่านสบาย อาหารสดๆ ร้อนๆ ต้องยอดเยี่ยมทั้งนั้น ปลาที่ได้มาค้างคืนทำให้กิน สำรับนี่โยนทิ้งเลย
สมัยเด็กๆ นี่พ่อแม่เลี้ยงมาอย่างนั้นน่ะ แล้วพ่อแม่ก็อุปัฏฐากพระอยู่ที่วัดทรายงาม หลวงปู่กงมา เวลาเข้าป่าเข้าเขาไปมันจะลำบากขนาดไหนท่านก็รู้ ท่านรู้เลยว่าลูกของท่านเลี้ยงมา ดูแลมายิ่งกว่าไข่ในหิน แล้วต้องไปอดไปอยากจะไปอย่างไร
แต่ด้วยคุณธรรม ด้วยธรรมะในใจของหลวงปู่เจี๊ยะ เห็นไหม ที่นั่นมันก็มี หลวงปู่กงมาก็อยู่ที่นั่น บัณฑิตก็มี พาลก็มี ฉะนั้น เวลาพูดไปแล้วมันจะมีการกระทบกระทั่งกัน คนที่มีคุณธรรมเขาเก็บไว้ในใจ หลวงปู่มั่นเท่านั้น หลวงปู่มั่นเท่านั้นนะ
เวลาขึ้นไปหาหลวงปู่มั่นไง พอไปเจอหลวงปู่มั่น เวลาไปเจอหลวงปู่มั่น เวลารายงานผลในการปฏิบัติน่ะ
ที่ผมปฏิบัติมาถูกต้องไหม
ถูก
แล้วให้ผมทำอย่างไรต่อไป
ก็ทำอย่างเดิมนั่นน่ะ
อู้ฮู! อุตส่าห์มาตั้งแต่จันทบุรีขึ้นมามาถึงเชียงใหม่ ให้ทำแบบเดิม แบบเดิมเพราะท่านปฏิบัติมาถูกต้องดีงาม ให้ทำแบบเดิมนั่นแหละ ให้ทำต่อเนื่องไปๆ ถ้ามันถูกต้องดีงามก็เป็นความถูกต้องดีงาม เห็นไหม ความถูกต้องดีงามขึ้นไป
สิ่งที่ว่าเวลาหลวงปู่เจี๊ยะท่านรักท่านเคารพของท่านเพราะอะไร ท่านรักท่านเคารพของท่านเพราะอะไร เพราะหลวงปู่เจี๊ยะท่านปฏิบัติมา ท่านรู้ของท่านมา หลวงปู่กงมา ท่านปฏิบัติกับหลวงปู่กงมามา แต่มันมีคนพาลอยู่ในนั้น ท่านก็หลบหลีกไป พอหลบหลีกไปขึ้นมา เวลาเป็นความจริงๆ เป็นความจริงในใจที่มันยืนยันกันไง ท่านถึงเคารพบูชาของท่านไง
เวลาท่านเคารพบูชาของท่าน เวลาท่านอุปัฏฐาก ได้เงินมาบาทหนึ่ง ไปซื้อนมข้นมาแล้วมาชงถวายหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นท่านไม่ยอมฉัน “โอ้โฮ! คนเฒ่าคนแก่ คนเจ็บไข้ได้ป่วย มันก็ต้องบำรุง” โอ๋ย! ทั้งออดทั้งอ้อนนะกว่าหลวงปู่มั่นท่านจะยอมฉันให้
นี่ไง สิ่งที่ว่าหมอบอกจะตายๆ วิทยาศาสตร์ไง ทางการแพทย์ไง แมคคอร์มิคไง ตายๆๆ หลวงปู่มั่นบอกเลย ไม่ตายหรอก ไม่ตาย อย่างไรก็ไม่ตาย เพราะว่าอะไร เพราะงานท่านยังไม่ถึงที่สุด วางรากฐานไว้ยังไม่มั่นคง
กลับจากเชียงใหม่ไปอยู่อีสาน เวลาไปถึงภาคอีสานปั๊บ หลวงตาท่านถึงเข้าไปหาหลวงปู่มั่นตอนนั้น แล้วหลวงตากับหลวงปู่เจี๊ยะไปเจอกันที่นั่น
เวลาท่านเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา ครูบาอาจารย์ยิ่งเคารพยิ่งบูชา เวลาเอายาเอาอะไรไปให้ท่านน่ะ ต้นไม้มันยืนต้นตาย รดน้ำพรวนดินอย่างใดมันก็ไม่ฟื้นหรอก แต่มันเป็นโรคคนแก่ เพราะว่ามันเป็นกรรมของสัตว์ สัตว์สร้างเวรสร้างกรรมมามากน้อยแค่ไหน มันจะเป็นโรคชรา แล้วมันจะทรมาน คำว่า “ทรมาน” ทรมานแบบโลกไง แต่ไม่ได้ทรมานในหัวใจของพระอรหันต์หรอก
แต่นี่ท่านพูดไว้หมด แล้วสุดท้ายแล้วนะ ลูกศิษย์ลูกหาพยายามประคบประหงมกันเต็มที่เลย
ท่านบอกว่า ไม้ตายยืนต้น รดน้ำพรวนดินขนาดไหนมันก็ตาย เพราะหมดอายุขัย
นี่ครูบาอาจารย์ที่เป็นจริงท่านมีคุณธรรมในใจของท่าน ท่านมีความเป็นจริงในใจของท่าน
ไม่ใช่มาหลับตาลืมตา มันผิดหวังไง มันผิดหวังแบบเรื่องโลกๆ ไอ้นี่มันเรื่องโลกๆ เป็นวิทยาศาสตร์ เรายืนยันตลอด วิทยาศาสตร์แก้กิเลสไม่ได้ ธรรมะเท่านั้น พุทธศาสตร์
พุทธศาสตร์แก้กิเลสอย่างไร
นี่ไง หลับตาลืมตา
โอ๋ย! ไร้สาระ ถ้าหลับตาลืมตา จักษุแพทย์ จักษุแพทย์มันรักษาให้เลย หลับตาลืมตา หลับตาลืมตา หลับใน ตาโพลงๆ อยู่ รถไปชนเขาตาย หลับตาลืมตามันแค่กิริยา แค่เรื่องของโลก เรามันผิดหวัง โลกกับธรรม ไม่มีอะไรที่เป็นธรรมเลย โลกๆ ทั้งนั้น หลับตาลืมตา
ดูสิ เมล็ดพันธุ์ เมล็ดพันธุ์แต่ละเมล็ดนะ เวลาเขาเพาะเขาประคบประหงม กว่ามันจะแตกเป็นเบี้ยเป็นขึ้นมา แล้วเขาจะดูแลรักษามันขนาดไหน พอรักษานะ เวลามันมีต้นไง
นี่ไง ถ้าคนมีวาสนา หน่อของพุทธะ ถ้าหน่อของพุทธะมันจะแตกขึ้น มันจะแตกขึ้นมาได้อย่างไร แล้วจะดูแลรักษากันอย่างไร นี่ครูบาอาจารย์ท่านเป็นอย่างนี้ ท่านดูแลรักษา
เวลาหลวงปู่มั่นวางข้อวัตรปฏิบัติไว้ๆ วางไว้ทำไม เพราะหลวงปู่มั่นท่านกระเสือกกระสนมาก่อน ท่านไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปหมด ไปทำไม ไปหาคนสอน ไปหาคนชี้ทาง ไปหาคนบอกหน่อยหนึ่ง ไม่มีใครบอกเลย เวลาท่านอั้นตู้ในใจของท่าน ไปหาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่เสาร์ว่า ปัญญาท่านมาก ท่านต้องแก้ตัวท่านเอง
นี่ไง เพราะหลวงปู่มั่นท่านได้กระเสือกกระสนมาก่อนไง ความได้กระเสือกกระสนมาก่อน ท่านถึงได้วางวัตรปฏิบัติไว้ คำว่า “วางวัตรปฏิบัติไว้” เพื่ออะไร นี่ไง เป็นเครื่องอยู่ๆ เครื่องอยู่ของใจๆ
เวลาหัวใจน่ะ ดูสิ ที่ว่าหลับตาลืมตา ไปมองแต่เรื่องวัตถุนิยม ไปมองแต่สิ่งที่ว่าโลกเขาติเตียน ไม่มองถึงพฤติกรรมดีหรือชั่ว เวลาพฤติกรรมดีหรือชั่ว ข้อวัตรปฏิบัติมันละลายพฤติกรรม พฤติกรรมของฆราวาส พฤติกรรมของทิฏฐิมานะ พฤติกรรมของคนที่มันมักใหญ่ใฝ่สูง
พระเวลาทำข้อวัตรล้างส้วมน่ะ โยมที่มา วัจจกุฎีวัตร วัตรในห้องส้วม เพราะคนเรามีกินกับถ่าย เวลากินขึ้นมา เวลากินขึ้นมาก็ต้องมีมารยาท เวลาถ่ายขึ้นมา พระก็มีข้อวัตรปฏิบัติของเขา เวลามันจะสูงส่งมาขนาดไหนเวลาบวชแล้วเป็นนวกะ ผู้ฝึกหัด ผู้บวชใหม่ บวชใหม่มันก็ฝึกหัดของมันขึ้นมา
เวลาฝึกหัดขึ้นมา แล้วทำความสงบของใจได้หรือไม่ ถ้าทำความสงบของใจได้ไง สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี
เวลาจิตสงบระงับเข้ามา เวลาจิตสงบระงับนะ “นิพพานเป็นเช่นนั้นเอง” ไร้สาระ เพราะอะไร เพราะในทางวิชาการเขาบอกว่าสมาธิแก้กิเลสไม่ได้
แต่ถ้าไม่มีสมาธิมันจะยกขึ้นสู่วิปัสสนาได้อย่างไร เวลาสมาธิก็สมาธิหลับตา สมาธิลืมตา เวลาจะบอกว่าใช้ปัญญา ต้องลืมตาอย่างใหญ่เลย ไม่ลืมตานี่ผิดเลย เพราะมันอายตนะทั้ง ๖
อายตนะทั้ง ๖ มันมีอายตนะภายนอก อายตนะภายใน อายตนะในอายตนะ อายตนะภายนอกมันมาจากไหน มันมาจากไหน ถ้ามันมีสติมีปัญญาเสียหน่อยนะ เพราะเรื่องมันเป็นพื้นๆ
เวลาครูบาอาจารย์ หลวงปู่เจี๊ยะ หลวงปู่จันทร์เรียนมา
“ดูจิตแก้กิเลสได้ไม่ได้”
คำเดียว “ไม่ได้ครับ”
เวลาหลวงตาท่านคุยกับหลวงปู่เจี๊ยะ “เจี๊ยะ หลวงตาบัวกำลังพิจารณากายอย่างใหญ่โต”
เขาคุยกันในผู้ที่เป็นจริง เป็นจริงมันเป็นภายใน แล้วเวลาพิจารณากาย พิจารณากายอะไร นี่พูดถึงไง พูดถึงว่าสิ่งที่กว่าที่มันจะเริ่มต้นขึ้นมาได้
ธรรมทายาท ศาสนทายาทที่จะปลุกปั้นขึ้นมาเขาต้องรู้จริงในใจของเขา ถ้าเขารู้จริงในใจของเขา นี่ไง ที่ว่าเวลาไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย เขาก็ชำระสะสางกันจนมันไปเห็นต้นขั้วว่าไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย
ไม่ใช่จิ๋นซีฮ่องเต้ มันไปหายาสมุนไพรจะกินไม่ให้ตาย ไม่ตายมันก็เป็นเรื่องโลกๆ ไง หลับตาลืมตาไง มันมีอะไรหลับตาลืมตา มันเกี่ยวอะไรกับสมาธิ มันเกี่ยวอะไรกับสติ มันเกี่ยวอะไรกับมรรคกับผล...ไม่เกี่ยวเลย มันไม่เกี่ยวกับมรรคกับผลเลยนะ นี่ไง มันไม่เป็นจริงๆ นี่คือเรื่องของโลกๆ
ถึงว่ามันผิดหวัง ผิดหวังที่ว่ามันไม่เข้าสู่มรรคสู่ผลเลย แล้วพระพุทธศาสนานะ จรรโลงพระพุทธศาสนานะ
พระพุทธศาสนานะ ดูสิ สามเณรน้อยอายุ ๗ ขวบเป็นพระอรหันต์ ทำไมเขาเป็นพระอรหันต์ล่ะ สามเณรน้อยนะ ในสมัยพุทธกาลเยอะแยะไปหมด สมัยปัจจุบันนี้ก็อยู่ที่ครูบาอาจารย์ท่านจะฝึกหัดฝึกฝนขึ้นมา คำว่า “ฝึกหัดฝึกฝนขึ้นมา” ด้วยทิฏฐิมานะของคน ใครไปรู้เห็นสิ่งใดแล้วมันจะเกิดอีโก้ อีโก้ ซูเปอร์อีโก้
แล้วเวลาทางวิทยาศาสตร์ มีฝรั่งเขาพูด ถ้าอนิจจังนี่เข้าใจได้นะ อนิจจังเข้าใจได้เพราะมันแปรสภาพ แต่อนัตตามันไม่ได้หรอก มันไม่มี มันไม่มี มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะอะไร เพราะมันเริ่มต้นไม่ได้เพราะไม่มีสมาธิ พอมีสมาธิ จิตตั้งมั่น จิตตั้งมั่นคืออะไร คือตนนะ สมาธิเป็นเรานะ สมาธิเป็นตัวเป็นตนนะ
เออ! ก็ตนไง แต่มึงไม่เห็นตน
ถ้าใครเห็นตน นั่นแหละเริ่มต้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป นี่ไง พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรมๆ พระอัสสชิ พระมหานามทำไมไม่เห็นล่ะ ก็นั่งฟังองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยกัน แต่ทำไมไม่เห็นล่ะ
ถ้าเป็นอนิจจังพูดได้ วิทยาศาสตร์เข้าใจหมด ฝรั่งเข้าใจเรื่องอนิจจังมาก เพราะมันเป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์เลย เพราะเป็นเรื่องโลก แต่อนัตตาล่ะ
แล้วเขาว่ามันเหมือนกัน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเหมือนกัน
ไม่เหมือน ไม่เหมือนเพราะอะไร ไม่เหมือนเพราะไม่มีสมาธิมันเริ่มต้นไม่ได้ เริ่มต้นไม่ได้ เริ่มต้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป มันเป็นอย่างไร มันทำอย่างไร มันเลยกลายเป็นลืมตาหลับตาอยู่ข้างนอก
“ถ้าอายตนะไม่ได้เลยนะ ถ้ายิ่งหลับตามันจะเป็นปัญญาไปไม่ได้เลย เป็นปัญญาไปไม่ได้เลย”
หลับตาลืมตานะ เวลาปัญญาจริงๆ มนุษย์น่ะปัญญามันเกิดจากสมอง แล้วถ้าเป็นพุทธศาสตร์ เป็นเรื่องการภาวนา ปัญญาเกิดจากจิต
อันนี้เขาพูดถึงอดีต อนาคต ปัจจุบัน ปัจจุบันไม่ได้ ไม่ได้ปัจจุบัน
โธ่! เขาพร่ำเพ้อ พร่ำเพ้อแต่เรื่องธรรมะ เราถึงบอกว่ามันเลยกลายเป็นลุ่มๆ ดอนๆ ไง
ดูสิ มหาปิ่น น้องชายหลวงปู่สิงห์ ๗ ประโยค เวลาไปอยู่กับหลวงปู่มั่น เพราะอะไร เพราะตัวเองย่ำแย่แล้วในเพศบรรพชิต เวลาพี่ชายที่รักมากชักจูงไปหาหลวงปู่มั่น
เวลาหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นศึกษามาด้วยการประพฤติปฏิบัติ หลวงปู่มั่นศึกษามาด้วยกรรมฐาน หลวงปู่มั่นศึกษามาด้วยหัวใจของตน ด้วยความเป็นจริง แล้วเวลา ๗ ประโยคเข้าไป โอ้! อยู่ป่าอยู่เขาจะมาสอนอะไรเรา
หลวงปู่มั่นท่านรู้หมด ท่านว่าเลย ไอ้ปริยัติๆ ที่รู้น่ะเอาตัวรอดได้หรือไม่ สิ่งที่ปริยัติรู้มันมีความเป็นจริงในใจหรือไม่
จนมหาปิ่น น้องชายของหลวงปู่สิงห์ลงใจนะ จากมาเริ่มต้น โอ้โฮ! อหังการมาก สุดท้ายลงใจ ยอมน่ะ
แล้วผู้ที่ว่าเวลาหลวงปู่มั่นท่านฝึกฝนๆ มาไง นี่ไง ว่าถ้าเป็นปริยัติ ปริยัติมันก็ต้องเป็นปริยัติ มีการศึกษาก็ศึกษามาเพื่อทรงจำธรรมวินัย ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
เวลาหลวงตาท่านพูดเอง ว่าปริยัติๆ เราไม่ได้คัดไม่ได้ค้าน เพราะอะไร เพราะธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ วินัยธร ธรรมกถึก
วินัยธรๆ ก็นี่ไง ทรงจำธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทศนาว่าการก็เรื่องการจำมา แต่เวลาจำมา เวลาพระที่บวชเมื่อแก่ บวชเมื่อแก่ไปขอกรรมฐานจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กรรมฐานไปแล้วก็เข้าป่าไปแล้วก็ฝึกหัดไป นี่ไง ปฏิบัติ แล้วมันจริง เห็นไหม
นี่ไง เวลามหาปิ่นเขาลงใจแล้ว หลวงปู่มั่นก็พยายามอบรมบ่มเพาะมา เวลาครูบาอาจารย์ที่เป็นธรรมๆ นะจะบอกว่า “หลวงปู่มั่นเป่ากระหม่อมมา หลวงปู่มั่นเป่ากระหม่อมมา”
เพราะมันไม่มีใครรู้จักกิเลสหรอก แล้วถ้าเรารู้จักกิเลสนะ ครอบครัวใดก็แล้วแต่มีลูกกี่คน แล้วลูกแต่ละคนมันเชื่อฟังเราไหม แล้วลูกแต่ละคนตัดไม่ขาด ตัดลูกไม่ขาดนะ กูไม่เอามึง กูไม่เอามึง มันมาขอตังค์ ให้อีกแล้ว เวลากูไม่เอามึง กูไม่เอามึง
กิเลสก็เหมือนกัน กิเลสมันดิ้นรนอยู่ในใจ มันปลิ้นมันปล้อนมันหลอกมันลวง เห็นมันไหม รู้จักมันไหม ถ้าไม่รู้จักกิเลสจะแก้กิเลสอย่างไร
นี่ไง เวลาครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติมา ท่านไปพบกิเลส ไปเห็นกิเลสขึ้นมาน่ะ ลูกตัดพ่อแม่ได้นะ กิเลสมันเหยียบย่ำทำลายมึงตายได้เลย เวลาปฏิบัติมันหลอกลวงให้ตายได้เลย ลูกมันฆ่าพ่อฆ่าแม่ได้ แต่พ่อแม่ฆ่าลูกไม่ลงนะ ฆ่าลูกไม่ได้ เป็นไปได้ยาก
นี่ก็เหมือนกัน เวลาปฏิบัติธรรมๆ จะฆ่ากิเลสๆ น่ะ แล้วครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติมาท่านหลงท่านใหลนะ ท่านไปออเซาะฉอเลาะ
ดูสิ หลวงตาท่านพูด เวลาไปเจออวิชชา ไปยอมจำนน ไปยอมหมอบอยู่กับอวิชชา ไม่รู้ตัว ถ้าหลวงปู่มั่นอยู่นะ เราสำเร็จเลย แต่หลวงปู่มั่นไม่อยู่แล้ว เราต้องฝึกเอง ค้นเอง ค้นคว้าเอง หลงใหลเอง ให้อวิชชามันหลอกมันลวงมันพลิกมันแพลงไปอยู่อีก ๘ เดือน นี่กว่าท่านจะพ้นไปได้ นี่เวลาคนที่ประพฤติปฏิบัติเขารู้เขาเห็นกิเลส โอ้โฮ! มันสุดยอด
ไม่มีใครหลอกเราได้เท่ากับกิเลสในใจเราหลอกเรา หลอกจนหน้ามืด หลอกจนจำนนกับมันน่ะ แล้วมึงจะไม่ตาย ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายที่ไหน
โอ้โฮ! ไปพูดเรื่องหลับตาๆ โอ๋ย! เวรกรรม เวลามาอย่างนี้มันไร้สาระ ภาษาเรานะ ผิดหวัง ผิดหวังเลยว่ามันไม่เข้าสู่สัจจะเลย ไม่เข้าสู่ความจริงแม้แต่นิด นิด นิด แต่ของเขาว่ายอดเยี่ยมนะ ลืมตานี่ โอ้โฮ! วิพากษ์วิจารณ์ร้อยแปด นี่เรื่องโลกๆ
ให้ยืนยันกันไว้ เรายืนยันไว้ว่า ถ้าเป็นความจริงก็คือความจริง ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ไอ้เรื่องอย่างนั้นมันเป็นกระแสโลก สังคมเห็นได้ไง
เวลานะ เวลาเราเห็นคนชั่ว คนทำลายคน เราเห็นแล้วน่าเกลียดมาก แต่เห็นคนดีไง ติดดีไง คนติดดี ดีกว่าเขา ยอดเยี่ยมกว่าเขา เหยียบย่ำเขา ทำลายเขา แต่ดีมาก ไม่รู้ว่ามันผิดอย่างไร ไม่เห็นความผิด ก็เขาดีสุดดีเลย...ดีโดยกิเลส เอวัง